จังหวัดตรังขึ้นชื่อว่าเป็นถิ่นของปลาพะยูน เมื่อหลายปีก่อนหากมีใครติดถามข่าวของน้องมาเรียม มีพะยูนออกมาให้เห็นกันและมีหน่วยสัตวแพทย์ดูแลน้องแต่สุดท้ายน้องก็จากไปเพราะว่าน้องอ่อนแรงมาก ซึ่งตอนนี้มีเหลืออยู่ที่ทะเลตรังแค่หนึ่งร้อยกว่าตัว มาดูกันว่าเราจะได้เจอน้องพะยูนกันไหม
การเดินทางไป เกาะลิบง ตรัง
เราเริ่มทริปจากรถตู้กระบี่ – ตรัง ราคา 112 บาท รอบ 14:00 น. ทั้งที่ป้ายเขียนบอกว่าออกทุก 1 ชั่วโมง คิดว่าน่าจะขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสารด้วยนะ การเดินทางใช้เวลา 2 ชั่วโมง ไปลงบขส. ก็เย็นแล้วเลยจองที่พักในเมืองหนึ่งคืน
การเดินทางจากในเมืองทำได้ 3 แบบ คือ
- เช่ามอเตอร์ไซค์ตรงหน้าสถานีรถไฟ วันละ 200-300 บาท ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าไปถึงท่าเรือหาดยาว
- รถตู้สาย ตรัง-หาดยาว คนละ 50 บาท แต่รอบรถมีน้อย สามารถรอขึ้นได้ที่ฝั่งตรงข้ามร้าน 108shop ตรงทางรถไฟได้
- รถเหมาราคา 700 – 800 บาท
เราเลือกเดินทางแบบที่หนึ่ง เพราะคิดว่าอาจจะแวะเที่ยวระหว่างทางที่น่าสนใจได้
ตารางเดินเรือที่ท่าเรือหาดยาว
เรือเริ่มวิ่ง 08:00 – 17:00 น. เดินทางประมาณ 20 นาที จะมีเคาท์เตอร์เล็กๆอยู่ที่ท่าเรือต้องเดินเข้าไปใกล้ๆหน่อยถึงจะสั่งเกตได้ว่าอยู่ตรงไหน ไปถึงก็จ่ายตามราคา คนต่างชาติ 100 บาท คนไทย 50 บาท มอเตอร์ไซค์คันละ 60 บาท เรือจะมาเรื่อยๆและมีคนจัดคิวคอยดูคิวให้
ที่พักแนะนำที่เกาะลิง ตรัง
เกาะลิบงซันไรส์ โฮมสเตย์ ขับมอเตอร์ไซค์จากท่าเรือเพียงแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงที่พัก บรรกายาศเงียบสงบแบบได้ยินเสียงหายใจตัวเอง มีมะเป็นคนดูแลที่นี่ส่วนลูกของมะก็จะดูเรื่องการจอง ที่พักที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ห้องนอนเรียบง่ายแต่นอนสบายมากแอร์เย็นฉ่ำๆ
สิ่งที่น่าสนใจใน เกาะลิบง ตรัง
ที่เกาะลิบง ตรัง เป็นชุมชนมุสลิม บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ สบายๆ และไม่วุ่นวาย อารมณ์เหมือนกลับไปตอนเด็กที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตเลย มีตลาดเล็กๆ ร้านกาแฟริมถนน มีผู้คนออกมาจับจ่าย นอกจากนี้ก็ยังสามารถแวะชมสถานที่น่าสนใจด้านล่างนี้อีกด้วย
จุดชมพะยูน หรือ Point Dugong
เป็นภูเขาสูงที่อยู่ติดริมทะเลมีการสร้างบันไดหลายชั้นสามารถเดินได้สะดวก แต่จะมีช่วงที่ต้องเดินรอดถ้ำไปค่อนข้างมืดนิดหน่อย หากไม่อยากขึ้นไปสูงก็สามารถดูที่ชั้นแรกก็ได้นะ ถ้าลมไม่แรงก็จะสามารถเห็นน้องพะยูนได้จากที่นี่เลย ถนนทางเข้าเล็กและค่อนข้างชัน ขับขี่อย่างระมัดระวังด้วยนะ
สะพานหลีกภัย
เป็นสะพานยาวยื่นออกไปที่ทะเลเป็นจุดหนึ่งที่จะมีโอกาสเห็นน้องพะยูนได้ชัดในช่วงที่น้ำขึ้นและอากาศที่เป็นใจ เราขับมอเตอร์ไซค์มาที่นี่หลายรอบแต่น้ำก็ขุ่นทุกครั้งที่เรามาและอากาศก็ไม่เป็นใจเอาซะเลย และที่สะพานนี่ก็เป็นอีกจุดที่พี่ชาวประมงจะมาจอดพักเรือ
นั่งเรือไปดูพะยูน
หากจองจากที่พักจะราคา 1,200 บาท เรือจอดอยู่ที่สะพานหลีกภัย ก็จะมีโอกาสได้เห็นแบบใกล้ชิดมากกว่าดูจากที่สูง หรือจะจองกับกัปตันกอนีโดยตรงที่เบอร์ 0948018136 (เป็นเบอร์ของภรรยาเจ้าของเรือค่ะ) มีตกหมึกช่วง 7 โมงเช้า 1,200 บาท 30 นาทีหลังจากนั้นก็จะไม่มีให้ตกแล้ว เราขอให้กัปตันพาไปช่วงที่น้ำยังอยู่ระดับต่ำไปซึ่งมีโอกาสไม่เจอสูงมากแต่ออกเรือไปแค่ไม่ถึงสิบนาทีก็เจอแล้วโชคดีมาก
สะพานหิน
เราพยายามไปที่สะพานหินแต่ไม่เห็นทางเข้าแต่เห็นเป็นทางเดินเข้าป่าเส้นใหญ่ก็ลองขับมอเตอร์ไซค์เข้าไป จนไปเจอทางลงไปหาด และก็จะเจอกับน้ำตกโต๊ะแกที่ไหลลงทะเล น้ำใสแจ๋ว แล้วเราก็เดินย้อนไปขวามือเพื่อจะไปที่สะพานหิน เดินประมาณสองร้อยเมตรก็จะเจอสะพานหิน ซึ่งก็คือหินใหญ่ที่ถูกน้ำกัดเซาะจนเป็นรูตรงกลางทำให้ดูโค้งเหมือนสะพานนั้นเอง
หาดทุ่งหญ้าคา
ถัดจากสะพานหินขับรถไปตามทางเรื่อยๆบรรยากาศเงียบสงบมากไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นแถวนั้นเลยก็ว่าได้แต่ก็ยังมีชาวบ้านในพื้นที่อาศัยอยู่ ขับไปจนสุดทางก็จะเป็นเส้นทางไปชายหาด ดูเหมือนจะเป็นพื้นที่ร้างไม่มีนักท่องเที่ยวมานานมาก ชื่อ หาดทุ่งหญ้าคา ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยน้องจากน้องหมาที่คอยนำทางเรา
แหลมโต๊ะชัย
หลังจากขับไปสุดทางเราก็ขับรถย้อนกลับไปเกสเฮ้าส์ และก็แวะแหลมโต๊ะชัย ที่นี่จะติดชายหาดเลย เป็นที่พักแบบนอนเต้นท์ริมทะเล มีน้องหมาออกมาต้อนรับมากมาย แต่ ณ ตอนน้้นลมแรงมาเหมือนพายุจะเข้าเราก็เลยรีบกลับกัน
ภาระกิจตามหาน้องพะยูน
ความพยายามเจอน้องพะยูนในสองวันไม่เป็นผลเพราะอากาศไม่เป็นใจ วันสุดท้ายเรารีบขับมอเตอร์ไซค์ไปสะพานหลีกภัยแต่เช้าเพราะเห็นแดดออกและน่าจะมีข่าวดี แต่กัปตันเรือที่มะ(คุณยายที่ดูแลเกสเฮาส์)คุยให้บอกว่าน้ำยังแห้งอยู่อาจจะมองไม่เห็นอะไรให้รอตอนเที่ยง ตอนนั้นเราถอดใจไปแล้วและไม่อยากรอจนถึงเที่ยงเพราะว่าอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เราเลยไปถามเรือที่จอดอยู่แถวนั้นให้ช่วยพาเราไปหน่อย แต่กัปตันก็กลัวเสียกำลังใจเพราะดูระดับน้ำไม่เอื้ออำนวย แต่สุดท้ายก็พาเราไปและได้จ่ายในราคา 600 บาท ออกเรือไปได้ประมาณ 5 นาที ใกล้กับจุดดูพะยูน เราเห็นเรือลำนึงจอดดูปลาพะยูนตั้งแต่ตอนเรามาถึงสะพานหลีกภัยแต่เช้า กัปตันเรือลำนั้นก็โบกไม้โบกมือเหมือนมีอะไรสักอย่าง เราก็มองไม่เห็นอะไรจนเรือเข้าใกล้มากขึ้น กัปตันเรือของเราก็บอกว่ามีพะยูนอยู่ตรงจุดที่เขาชี้ เราก็มองไม่เห็นซักทีเพราะน้ำขุ่นมาก จนเริ่มเห็นเป็นสีชมพูจางๆ ก็คือน้องพะยูนกำลังกินหญ้าทะเลอยู่ ณ ตอนนั้นรู้สึกดีใจมาก จากที่อารมณ์ขุ่นๆก่อนหน้านี้ก็หายไปอย่างไว แล้วเราก็ตามถ่ายรูปน้องอยู่ซักพักจนน้องต้องกลับบ้านเพราะลมเริ่มแรงและน้ำกำลังจะลด กัปตันบอกว่าน้องชื่อ ชมพู เป็นตัวที่คุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวน้องเลยไม่ว่ายน้ำหนีเวลาเจอคน ปกติจะมากับลูกสองตัวแต่วันนี้ไม่มาด้วย แล้วเราก็กลับมาทันเวลาเช็คเอาท์ พอเรากลับเกสเฮ้าส์เราก็โชว์รูปให้มะดู มะก็ดีใจเพราะอยากให้ทุกคนที่มาได้ดู เพราะว่าคนที่ไปแล้วไม่เจอก็เยอะ
สิ่งที่ควรรู้ก่อนไป เกาะลิบง ตรัง
- ที่เกาะมีแค่ตู้กดเงินธนาคารออมสินเท่านั้น
- มีร้านที่ขายเบียร์อยู่ร้านเดียวเนื่องจากที่เกาะเป็นชุมชนมุสลิม ปักหมุดไปที่ Ribong Rara Camp ร้านจะอยู่ทางขวามือมีป้ายเบียร์ช้างอยู่ด้านหน้า
- การจะเจอน้องพะยูนค่อนข้างยากที่จะคาดเดาเพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง ถึงแม้ว่าคนในท้องที่ได้ให้คำแนะนำ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้
สรุป
เกาะลิบงเป็นเกาะที่เงียบสงบและคงความเป็นอยู่ของชาวบ้านให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัสความน่ารักของผู้คนที่ชุมชนและได้เจอน้องพะยูนที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติของตัวเองให้ความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ใครผ่านมาที่หาดยาวก็แวะไปขึ้นเรือข้ามไปเกาะลิบงกันนะ