แคเมอรอน ไฮแลนด์ มาเลเซีย พื้นที่ราบสูงที่ล้อมรอบด้วยภูเขา มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 18-22 องศาเซลเซียส แคเมอรอน ไฮแลนด์เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิวธรรมชาติ และลิ้มลองอาหารท้องถิ่น
การเดินทางไป แคเมอรอน ไฮแลนด์ มาเลเซีย
เราเดินทางจากอีโปห์ไปแคเมอรอน ไฮแลนด์โดยรถบัส ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง แต่อาจจะเกิดอาการเวียนหัวช่วงที่เป็นทางซิกแซกบนภูเขา ตอนที่เราไปรถติดยาวมากเพราะว่าถนนค่อนข้างเล็กและมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยรถส่วนตัวเยอะเช่นเดียวกัน
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเดินทางไป แคเมอรอน ไฮแลนด์ มาเลเซีย
- ค่าแท็กซี่แพงมาก ถ้าไปหลายคนหารกันก็โอเค
- เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยวอาจทำให้เวียนหัวได้ พกถุงรองอ้วกไปด้วยนะ
- อาการที่นี่ค่อนข้างเย็นตลอดทั้งวัน ยิ่งตอนกลางคืนจะเย็นมาก
3 วัน 2 คืน แคเมอรอน ไฮแลนด์ มาเลเซีย
วันแรก
นั่งรถบัสไป Kea Garden Guest House มีที่พักอยู่ 2 แบบ แบบห้องเดี่ยวและแบบกระต๊อบน้อยห้องน้ำรวมซึ่งเราพักอย่างที่สอง เราไปถึงที่นี่ก็บ่ายสามกว่าแล้วนักท่องเที่ยวเยอะพอสมควร อากาศเย็นกำลังดีมีหมอกจางๆ ด้านหน้าที่พักติดริมถนนมีร้านขายของฝากมากมายตั้งแต่ผัดสดแบบสดมากๆ ไอติม และขนมต่างๆดูน่ารักน่ากิน
ด้านในโรงแรมก็จะมีสวนสตรอเบอรี่ขนาดย่อมให้นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วเพื่อเข้าไปเก็บเองได้ บริการให้อาหารแกะ หรือจะมานั่งเล่นที่โซนของเล่นเด็กมีเครื่องดื่มและของว่างให้บริกา
ส่วนอาหารก็มีให้เลือกหลากหลายเมนูไม่ว่าจะเป็น ไก่ทอด อาหารอินเดีย หรืออาหารมาเลเซีย สามารถแวะมาที่ฟู๊ดคอร์ดได้จนถึงหนึ่งทุ่ม
แต่เราหิวข้าวช้ามาก ฟู้ดคอร์ทก็ปิดแล้ว เดินออกมาไม่กี่ก้าวจะมีร้านบุฟเฟ่คล้ายกับหมูกระทะ ตกคนละประมาณ 240 บาท มีเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อไก่ อาหารทะเลมีไม่เยอะ น้ำต่างๆ ผลไม้ และของหวาน โดยรวมถือว่าโอเค
วันที่สอง
ตื่นแต่เช้าอยากจะอาบน้ำร้อนแต่ไม่รู้ทำไมน้ำร้อนไม่ไหล เลยอาบน้ำเย็นไปเพราะทนเหนียวตัวไม่ได้ แต่แฟนเราตื่นหลังเราไปบอกพนักงานให้มาดูน้ำกลับร้อนทันที
ไปซื้อข้าวผัดที่ศูนย์อาหารเตรียมไว้เป็นซะเบียง แล้วก็ไป 7-11 ได้ของกินรองท้องก่อนไป หลังจากนั้นก็เรียกแกรป รอนานมากจนถอดใจ ไม่มีใครมาเลย ระหว่างทางเดินกลับที่พักก็เจอแท็กซีรอลูกค้าอยู่เลยถามราคาแล้วก็คอนแทคไว้เพราะต้องไปท่ารถในวันถัดไป ได้ราคา 25 ริงกิตต่อชั่วโมง
วันนี้เราเดินดูตลาดนัดเต็มที่ ก็จะมีฝั่งโรงแรมที่เราอยู่และตลาดฝั่งตรงข้ามจะค่อนข้างใหญ่กว่าแต่ก็จะมีของขายคล้ายๆกัน ใครตาดีได้ราคาถูกตาร้ายได้ของแพง ต้องค่อยๆเดินดูแต่ละร้าน
เราก็ลองเดินไปตามถนนห่างออกไปจะมีร้านค้าคล้ายๆกันแต่ขนาดเล็กมาก ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว เดินต่อไปอีกก็เป็นเนินทางลงเขาก็สูงเกินไปและจังหวะรถเลี้ยวทางโค้งดูไม่น่าเดินเท่าไหร่ เราเลยไม่เดินลงไปแต่แวะร้านขายกระบองเพชรแทน
วันที่สาม
เตรียมตัวออกเดินทางแต่เช้า แท็กซี่ก็มาถึงตามเวลาเป๊ะๆ ระหว่างทางไปท่ารถก็จะเห็นอาคารส่วนใหญ่เป็นแบบสไตล์อังกฤษสวยมาก รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้มาลงที่ท่ารถตั้งแต่แรกเพราะที่นี่ของกินถูกมาก และสะดวกกว่าแถมยังใกล้เส้นทางเดินป่าอีกด้วย
บทสรุป
เราคิดว่าที่ Kea Garden แพงไปสำหรับอยู่หลายวัน สองวันหนึ่งคืนกำลังดีแล้วย้ายไปใกล้ตัวเมืองจะดีกว่าเวลาจะไปเดินป่าก็ไม่ต้องเรียกแท็กซี่ที่ซึ่งราคาแพงมากมาย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนในประเทศมาเป็นแบบครอบครัว ใครทนเสียงเด็กไม่ไหวไปก่อนได้เลยจ้าเพราะว่าที่นี่เด็กๆชอบออกมาวิ่งเล่นกันช่วงห้าทุ่ม บรรยากาศโดยรวมคืออากาศเย็นสบาย มีร้านของฝากขายของค่อนค้างคล้ายกันทุกร้าน ราคาก็จะแตกต่างกัน ใครใจเย็นได้ราคาถูก ใจร้อนได้ของแพงเด้อ