อีโปห์ (Ipoh) เป็นเมืองหลวงของรัฐเประ ประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปทางเหนือประมาณ 200 กิโลเมตร อีโปห์เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หลากหลาย เมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเหมืองดีบุกในอดีต ปัจจุบัน อีโปห์เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวมาเลเซียและชาวต่างประเทศ อีโปห์มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย
การเดินทางไป อีโปห์ มาเลเซีย
ต่อจากที่เรานั่งเรือกลับมาจากเกาะลังกาวี ก็ตรงไปที่ Terminal Bas Kuala Perlis ท่ารถอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือสามารถเดินไปได้แค่ 5 นาทีก็ถึงแล้ว ที่นี่ไม่มีการตรวจตั๋วมาถึงคนขับรถก็เรียกขึ้นรถเลย แต่ทุกคนก็นั่งกันตามเลขนั่งของตัวเอง


จาก Terminal Bas Kuala Perlis ไป Bus terminal Amanjaya IPOH ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง นั่งเมื่อยก้นกันเลยทีเดียว แต่ที่นั่งค่อนข้างใหญ่ไม่แคปเกินไป
สามารถจองตั๋วได้ที่นี่ ราคาถูกมาก
การเดินทางใน อีโปห์ มาเลเซีย
คนส่วนใหญ่จะใช้รถยนต์ส่วนตัว ติดว่าไม่เหมาะกับการขี่มอเตอร์ไซค์แบบชิลๆ เพราะรถเยอะมาก สามารถเรียกแกร็ปก็ได้ราคาถูกมากเช่นเดียวกัน หากมีแพลนไปหลายที่ไม่อยากเรียกบ่อยก็เช่ารถก็ได้จ้า
ที่เที่ยวในอีโปห์ มาเลเซีย 3 วัน 2 คืน
วันแรก หลังจากถึงท่ารถที่ Ipoh ก็หาทางออกอยู่สักพักเพราะว่าอาคารกว้างพอควร เราเรียกแกรปไปที่โรงแรม Pi Hotel ใช้เวลา 15 – 20 นาที ในราคา 11 ริงกิต ที่โรงแรมนี้มีเรียกเก็บภาษีนักท่องเที่ยวแล้วก็มัดจำด้วย


ตอนไปถึงก็เย็นมากแล้วเราก็เดินสำรวจรอบพื้นที่ใกล้เคียง ดูค่อนค้างเงียบสงบ ก็คิดอยู่ว่าคนหายไปไหนหมดแต่รถจอดริมถนนเยอะมาก จนหิวข้าวเลยกลับมากินข้าวที่ร้านอาหารอินเดียข้างโรงแรม
วันที่สอง นั่งแกรปไป Tasik Cermin(Mirror Lake) เป็นทะเลสาบที่มีชื่อเสียงสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของต้นไม้และภูเขาที่อยู่รอบๆ ได้อย่างชัดเจน มีบริการนั่งเรือชมรอบทะเลสาบ เราใช้เวลาเข้าชมไม่นานเพราะสถานที่ไม่ได้ใหญ่มาก



จากนั้นเราก็เดินออกมาก่อนถึงถนนใหญ่ เจอวัดเก่าแก่ซึ่งตอนนั้นพบโดยหญิงสาวคนหนึ่ง ลักษณะของวัดเหมือนถูกดินทับถมจนเห็นลักษณะอาคารแค่นิดเดียว และก็กลายเป็นเหมือนตกทอดมาจนรุ่นหลาน เราเห็นว่าคนเฝ้าเป็นผู้หญิงและไม่ได้เคร่งในการแต่งตัว ภายในก็มีรูปภาพตั้งแต่ยุคบุกเบิกให้ดูเลย
วัดถัดไปเราเห็นว่าเดินไปไม่ได้แล้วเลยเรียกแกรปไปส่ง ที่นี่จะเป็นวัดถ้ำจีน ไม่แน่ใจว่าเป็นส่วนเดียวกันไหม แต่ก็มีชื่อตรงทางเข้าไม่เหมือนกันและมีเขตแบ่งชัดเจน


วัด Ling Sen Tong เป็นวัดเต๋าสร้างขึ้นในปี 1910 และได้รับการปรับปรุงใหม่ในปี 1957 วัดแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองอีโปห์ และเป็นที่รู้จักเรื่องสถาปัตยกรรมอันงดงามและการตกแต่งภายในที่วิจิตรบรรจง เปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 17.00 น. การเข้าชมวัดไม่เสียค่าธรรมเนียม
วัด Sam Poh Tong เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในอีโปห์ สร้างขึ้นในปี 1865 โดยกลุ่มชาวจีนที่อพยพมายังมาเลเซียในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ 3 ถ้ำ จึงเป็นที่มาของชื่อ Sam Poh Tong ซึ่งแปลว่า “ถ้ำสามแห่ง” ภายในวัดมีศาลเจ้าหลายแห่งที่ประดิษฐานเทพเจ้าและเทพธิดาต่างๆ รวมถึงเทพเจ้ากวนอิม เทพเจ้าแห่งโชคลาภ และเทพเจ้าแห่งสงคราม เปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 18.00 น. การเข้าชมวัดไม่เสียค่าธรรมเนียม


หิวแล้วก็นั่งแกรปไปต่อที่ Kong Heng Square ย่านนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1887 โดยชาวจีนอพยพและได้รับการตั้งชื่อตาม Kong Heng ซึ่งเป็นชื่อของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จีน ย่านนี้เป็นที่รู้จักเรื่องอาคารสไตล์ชิโน-โปรตุเกสที่เก่าแก่และสวยงาม รวมไปถึงร้านค้าและร้านอาหารมากมาย ร้านอาหารส่วนใหญ่ให้บริการอาหารจีนและมาเลเซีย

หอนาฬิกา อิโปห์ (Birth Memorial Clock Tower) หอนาฬิกาประจำเมืองอีโปห์ อยู่ตรงข้ามกับมัสยิดประจำเมือง สร้างขึ้นในปี 1909 เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้แก่ J.W.W. Birch ประชากรชาวอังกฤษคนแรกของรัฐเปรัค มีทั้งหมด 4 ด้าน ประดับด้วยภาพวาดและรูปปั้นต่างๆ และที่ด้านบนสุดของหอฬิกายังมีระฆังขนาดใหญ่อยู่ด้วย

สถานีรถไฟอีโปห์ (Ipoh Railway Station) เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเประ และเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย สถานีรถไฟแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2453 โดยรัฐบาลอาณานิคมของอังกฤษ เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองอีโปห์และการพัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองดีบุกในภูมิภาค
เนื่องจากอากาศร้อนมากเลยไม่ได้ไปทุกที่จึงกลับไปพักที่โรงแรมแล้วจะออกมาอีกทีตอนเย็น แต่แล้วบรรยากาศไม่เป็นใจ อดไป Kong Heng Square ตอนกลางคืน เลยปิดจ๊อบที่ร้านอาหารอินเดียข้างโรงแรมแทน
วันที่สาม ตื่นค่อนข้างเช้าเพื่อที่จะขึ้นรถไปอีกเมือง รออ่านได้ที่โพสต์ถัดไปเลยจ้า
ที่พักแนะนำในเมืองอีโปห์
อัพเดทเร็วๆนี้
บทสรุป
เมืองอีโปห์ค่อนข้างใหญ่ คนส่วนใหญ่ก็จะใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง โรงแรมที่เราจองก็ไม่ไกลจากสถานที่ที่เราไปมากเท่าไหร่ และก็ไม่ไกลไปที่จะนั่งแกรปไปสถานที่ใกล้เคียง และเป็นเมืองที่อาหารอร่อยที่สุดในมาเลเซียอีกด้วย